Amazfit GTR 2 Smartwatch
Amazfit GTR 2 มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบสุดพรีเมียม พร้อมฟีเจอร์ในการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอ AMOLED สีสันสวยงาม ที่ห้อหุ้มด้วยกระจก 3 มิติ แบบโค้ง พร้อมเซนเซอร์ในการตรวจจับสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง และโหมดออกกำลังกายที่หลากหลายภายในตัวอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังสามารถจัดเก็บและควบคุมเครื่องเล่นเพลงผ่านสมาร์ทวอทช์ได้ด้วย ติดตั้งผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงอย่าง Amazon Alexa รองรับ GPS ในตัว ได้รับการรับรองมาตรฐานกันน้ำที่ระดับ 5ATM และยังติดตั้งไมโครโฟนและลำโพงมาให้อีกด้วย ด้านแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 38 วันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าคุ้มค่า น่าใช้งานเป็นอย่างมาก โดยวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีให้เลือกด้วยกัน 2 รูปแบบคือ Classic และ Sport
Amazfit GTR 2 มาในดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม ดูเรียบหรู พรีเมียม ด้วยวัสดุตัวเรือนที่ทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว หุ้มด้วยกระจก 3D เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันรอยขีดข่วน ความละเอียด 349 x 442 พิกเซล ความสว่างของหน้าจอสูงสุด 450 nits รองรับ Always-on Display สามารถปรับเปลี่ยนหน้าปัดได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน น้ำหนักตัวเรือนเบาเพียงแค่ 24.7 กรัมเท่านั้น การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำได้ผ่านเทคโนโลยี Bluetooth 5.0
ภายในตัวอุปกรณ์ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับสุขภาพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซนเซอร์ตรวจจับการนอนหลับ, เซนเซอร์ตรวจจัดความเครียด พร้อมกับตัววัดค่า PAI ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังติดตั้งโหมดออกกำลังกายมาให้ถึง 12 รูปแบบ เช่น วิ่ง, ว่ายน้ำ, ปีนเขา,ปั่นจักรยาน พร้อมความสามารถกันน้ำที่ระดับ 5ATM หรือแรงดันน้ำที่ระดับ 50 เมตร จึงสามารถใช้งานขณะว่ายน้ำหรือใส่อาบน้ำได้อย่างสบาย
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้น Amazfit GTR 2 สามารถใช้งานในโหมดทั่วไปได้ประมาณ 14 วัน และสามารถใช้งานได้สูงสุด 38 วัน เมื่อเปิดใช้งานเพียงแค่โหมดนาฬิกาเพียงอย่างเดียว หากเปิดการใช้งาน GPS อย่างต่อเนื่องจะใช้งานได้ประมาณ 48 ชั่วโมง และสามารถใช้สนทนาผ่านบลูทูธได้มากสุดถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทำได้ผ่านเทคโนโลยี Bluetooth 5.0
ภายใน wearable device มีพื้นที่มาให้ภายในถึง 3GB เพื่อจัดเก็บเพลงและควบคุมเครื่องเล่นเพลง รวมไปถึงติดตั้งลำโพงและไมโครโฟนเพื่อใช้สนทนาแทนการใช้สมาร์ทโฟน พร้อมติดตั้งผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงอย่าง Amazon Alexa เพื่อเรียกใช้งานฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตรวจสอบสภาพอากาศ, นาฬิกาปลุก, รวมไปถึงถามสิ่งที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ในการใช้งานอีกมากมาย เช่น แจ้งเตือนข้อความเข้า เปิดใช้งานโหมดห้ามรบกวน ใช้งานนาฬิกาจับเวลา เป็นต้น